CIVIL เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันนี้ (27 ม.ค.) วันแรก เปิดเทรดที่ราคา 5.25 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 0.65 บาท หรือ 14.13% จากราคาจองซื้อ 4.60 บาทต่อหุ้น
บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ CIVIL เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันนี้ (27 ม.ค.2565) เป็นวันแรก โดยเปิดตลาดที่ 5.25 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 0.65 บาท หรือ 14.13% จากราคาจองซื้อ 4.60 บาทต่อหุ้น
CIVIL ประกอบธุรกิจ 3 ประเภท ได้แก่ 1) ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างโครงการในแนวราบ 2) ธุรกิจจำหน่ายชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูปและวัสดุก่อสร้างประเภทอื่นๆ เพื่อสนับสนุนงานก่อสร้างของกลุ่มบริษัท 3) ธุรกิจให้เช่าอาคารและเครื่องจักรอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อสร้าง
โดยบริษัทดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมาอย่างยาวนาน และมีความชำนาญในงานโครงการแนวราบ ได้แก่ งานทาง ทางรถไฟ ท่าอากาศยาน เขื่อนและอ่างเก็บน้ำ กลุ่มลูกค้าหลักได้แก่หน่วยงานรัฐและภาคเอกชนที่มีศักยภาพ ณ 30 พ.ย.2564 บริษัทมีงานที่อยู่ระหว่างส่งมอบ 16,813 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ไปจนถึงปี 2567
CIVIL มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลังเสนอขายหุ้น 700 ล้านบาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 500 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 200 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 19-21 ม.ค.2565 ในราคาหุ้นละ 4.6 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 920 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 3,220 ล้านบาท
การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO พิจารณาจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio : P/E) 16.8 เท่า ซึ่งคำนวณจากกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา (ไตรมาส 4 ของปี 2563 – ไตรมาส 3 ของปี 2564) เท่ากับ 191.62 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทหลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (Fully Diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.27 บาท
โดยมี บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ
นายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า บริษัทมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ CIVIL จะได้เข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของบริษัท และเชื่อมั่นว่าจะช่วยเสริมศักยภาพในการแข่งขัน เพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจ และสร้างความแข็งแกร่งด้านเงินทุน
โดยบริษัทฯ มีแผนจะขยายการรับงานของภาคเอกชนเพิ่มมากขึ้นเพื่อกระจายโครงสร้างรายได้เพิ่มเติมจากงานภาครัฐ โดยจะนำเงินจากการระดมทุนไปซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์สำหรับใช้ในโครงการ นอกจากนี้ เงินที่ได้จากการระดมทุนส่วนหนึ่งจะใช้ในการชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
CIVIL มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและทุนสำรองตามกฎหมาย
โดยคณะกรรมการบริษัทจะพิจารณาการจ่ายเงินปันผลโดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เพื่อผลประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นเป็นหลัก และการจ่ายเงินปันผลนั้นไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานปกติของบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ หลัง IPO จะมีผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้แก่ บจก. อัศวศิริสุข โฮลดิ้ง ถือหุ้นรวม 64.29% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว
อ้างอิง
https://www.bangkokbiznews.com/business