ธปท. ร่วมกับธนาคารกลาง 4 ประเทศ “อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ฟิลิปปินส์-สิงคโปร์” ลงนามบันทึกความเข้าใจ ภายใต้ความร่วมมือด้านการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินในภูมิภาค เสริมศักยภาพบริการชำระเงินระหว่างประเทศ ให้รองรับการพัฒนาการเชื่อมต่อที่หลากหลาย หนุนการค้า-การลงทุนระหว่างประเทศ เผยกลุ่มประเทศ G20 จัดทำ “Roadmap for Enhancing Cross Border Payments” เพื่อขยายความร่วมมือสู่ประเทศอื่น
วันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงข่าวร่วมเรื่อง ธนาคารกลางอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทยร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินในภูมิภาค จากความร่วมมือในการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินของประเทศในภูมิภาคอาเซียนตามโครงการ ASEAN Payment Connectivity 1 ที่เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน 2562
ในวันนี้ (14 พฤศจิกายน 2565) ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) ธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (BSP) ธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ตกลงที่จะยกระดับความร่วมมือด้านการเชื่อมโยงระบบการชำระเงิน เพื่อเพิ่มศักยภาพบริการชำระเงินระหว่างประเทศให้รองรับการพัฒนาการเชื่อมต่อที่หลากหลาย และนวัตกรรมการให้บริการชำระเงินระหว่างประเทศที่ครอบคลุมการใช้งานได้มากยิ่งขึ้น
โดยธนาคารกลางทั้ง 5 แห่งได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินในภูมิภาค ที่เมืองบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ในช่วงการประชุมผู้นำกลุ่มประเทศ G20 โดยมี ฯพณฯ นาย Joko Widodo ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ร่วมกล่าวเปิดงาน ซึ่งได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อแก้ปัญหาที่ทั่วโลกเผชิญร่วมกัน
และชื่นชมธนาคารกลางทั้ง 5 แห่ง ที่แสดงความมุ่งมั่นในการผลักดันนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะเร่งการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินในภูมิภาค การเชื่อมโยงระบบการชำระเงินจะเป็นส่วนสำคัญในการเร่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาค และส่งเสริมให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ทั่วถึงมากขึ้น โดยจะช่วยสนับสนุนการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ ตลอดจนพัฒนาให้มีผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย
นอกจากนี้ ยังช่วยสนับสนุนการโอนเงินระหว่างประเทศ การท่องเที่ยว และกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ซึ่งจะช่วยให้ระบบนิเวศทางการเงินในภูมิภาคครอบคลุมสู่ผู้ใช้บริการได้มากขึ้น และจะเป็นประโยชน์ต่อภาคธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ในการมีส่วนร่วมในตลาดระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าวจะครอบคลุมด้านต่าง ๆ เช่น การเชื่อมระบบ QR Code และการเชื่อมระบบการชำระเงินแบบทันที (fast payment)
นอกจากนี้ กลุ่มประเทศ G20 ได้จัดทำ “Roadmap for Enhancing Cross Border Payments” เพื่อผลักดันสมาชิกให้เร่งนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับวาระสำคัญว่าด้วยการขับเคลื่อนด้านดิจิทัลของอินโดนีเซีย ในฐานะประธานกลุ่มประเทศ G20 ซึ่งรวมถึงการพัฒนาระบบการชำระเงินดิจิทัลร่วมกับธนาคารกลางทั้ง 5 แห่งในครั้งนี้อีกด้วย โดยในระยะต่อไปสามารถขยายความร่วมมือไปยัง ประเทศอื่น ๆ ทั้งในและนอกภูมิภาค
ทั้งนี้ ความร่วมมือด้านการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินจะได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การเป็นประธานอาเซียนของอินโดนีเซียในปี 2566 ต่อไป ความร่วมมือในครั้งนี้สนับสนุนวิสัยทัศน์ร่วมของอาเซียน ที่ต้องการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินในภูมิภาค เพื่อให้ธุรกรรมการชำระเงินทำได้อย่างรวดเร็ว สะดวก และมีต้นทุนที่ถูกลง นอกจากนี้ ยังเป็นการวางรากฐาน
สำหรับประเทศอื่นในอาเซียนที่ต้องการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินในระยะต่อไป และส่งเสริมความสัมพันธ์ทาง เศรษฐกิจในภูมิภาค ตามแนวทางของอาเซียนที่มุ่งเน้นการสร้างผลประโยชน์ร่วมกัน โดยคำนึงถึงระดับความพร้อม ของแต่ละประเทศ
นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพระบบสถาบันการเงิน ซึ่งเข้าร่วมงานแทนผู้ว่าการกล่าวว่า ปัจจุบันอาเซียนเป็นภูมิภาคที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากนานาประเทศ ในด้านการเชื่อมโยงระบบการชำระเงิน โดย MOU นี้เป็นการต่อยอดจากสิ่งที่ประเทศสมาชิกได้เริ่มดำเนินการไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา และเป็นอีกก้าวสำคัญในการร่วมกันก้าวข้ามอุปสรรคด้านการชำระเงินระหว่างประเทศที่มีมายาวนาน
ทั้งนี้ MOU ดังกล่าวสอดคล้องกับการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินในปัจจุบันของอาเซียน ซึ่งเป็นการเชื่อมแบบทวิภาคี และจะเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการเชื่อมแบบพหุภาคี เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนทางดิจิทัล และการรวมกลุ่มทางการเงินในภูมิภาคต่อไป